นพพร เขียนถึง ‘พิเศษ สังข์สุวรรณ‘ หรือพี่ตาร์ ที่หลายๆคนในวงการโบราณคดีรู้จักในฐานะพี่ผู้อาวุโสและศิลปินมากฝีมือ วันหลังผมจะเล่าเรื่องราวของเขาให้ฟัง
โปรดสดับฟังเสียงสำเนียงเพลงบทนี้เถิด
เพราะข้าพเจ้าได้พร่ำเพียรกลั่นกรองความสดชื่นจากดวงใจภายใต้ร่างกายอันร้าวราน
ด้วยหวังขับกล่อมขับขานให้พวกท่านรื่นเริงและหลงลืมความปวดร้าวจากวันคืนที่แสนเศร้า
ฟังสิ…ฟังสิท่าน…ถ้อยคำเหล่านั้น…ท่วงทำนองเหล่านั้น
ต่างถูกถักทอขึ้นจากบุคคลซึ่งถูกหลงลืมไว้เบื้องหลัง
อย่า…อย่าเลย…อย่าคิดเวทนาข้าพเจ้าแม้แต้เพียงนิด
เพราะความเปรมปรีดิ์ของพวกท่านต่างหากที่ทำให้ข้าพเจ้ายังพอมีแรงขยับเขยื้อนเคลื่อนกายเยี่ยงสามัญชน
สุขเถิดท่านทั้งหลาย…เคลื่อนกายให้สุขสันต์อย่างที่ท่านมิเคยได้รับสุขนั้นมาก่อน
เพราะข้าพเจ้าจะบรรเลงเพลงบทนี้ต่อไป
โอ้กาลเวลาล่วงเลยไป…
ขออภัยเถิดท่านทั้งหลาย หากขณะนี้ร่างกายของข้าพเจ้ามันร้าวรานเกินกว่าที่จะสร้างสรรค์ถ้อย–ทำนองอันสุขสันต์ไว้เป็นของขวัญแด่ดวงจิต
น้ำเสียงของข้าพเจ้ามันแหบพร่าเกินกว่าจะเอื้อนเอ่ยวจีอันไพเราะ
แขนขาของข้าพเจ้ามันอ่อนล้าและเหน็บชาเกินกว่าจะคว้าเครื่องดนตรีมาดีดสีให้พวกท่านรื่นรมย์
ขออภัยเถิดท่านทั้งหลาย…
ด้วยลมหายใจของข้าพเจ้าก็เริ่มเหนื่อยล้าเกินทานทน
อีกไม่นานหรอก…อีกไม่นาน…ท่านก็คงลืมบทเพลงที่ข้าพเจ้าเคยขับขานกล่อมเกลา
อีกไม่นานหรอก..อีกไม่นาน…จะมีผู้มาขับขานบทเพลงบทใหม่ให้ท่านได้หฤหรรษ์กันต่อไป
อีกไม่นานหรอก…อีกไม่นาน…ราตรีกาลจะพัดพาร่างกายและดวงวิญญาณของข้าพเจ้าให้แตกสลายกลายเป็นเพียงผงธุลี และเสียงดนตรีก็จะกลายเป็นเพียงความทรงจำ
…อีกไม่นานหรอก…อีกไม่นาน…
แด่พี่ต้าร์ พิเศษสังข์สุวรรณ ศิลปินผู้ถูกหลงลืม
นพพร
16 ก.พ.50